เรื่องที่ไม่มีความสำคัญ
เรื่องน่าสนใจในองค์กรที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง
แต่ผมว่าเรื่องบางเรื่องที่เล็กๆ
และไม่มีค่อยมีใครใส่ใจซักมักนำมาซึ้งผลกระทบหลายๆ ด้าน เรื่องนี้มีชื่อว่า
นักศึกษาฝึกงานสำคัญฉะไหน
แน่นอนว่าเกือบทุกองค์กรใหญ่ย่อมมีนักศึกษาฝึกงานเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำงานและก็เกือบทุกแผนกเลยละครับ
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่าในปี 2557 มีนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาจำนวน
2,355,070 คน เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 – 4 จำนวน 1,488,311 คน นั้นหมายถึงกำลังจะมีนักศึกษาที่พร้อมจะเข้าฝึกงานตามสถานประกอบการ
หน่วยงานราชการ และอื่นๆ อีกจำนวนมากเลยที่เดียว คำถามคือแล้วหน่วยงานต่าง ๆ
ที่รับนักศึกษาเข้าฝึกงานนั้นมีความพร้อมมากแค่ไหน
และอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าพร้อมสำหรับหน่วยงาน ซึ้งเราจะมาช่วยกันหาคำตอบกันครับ
ทำไม่ต้องฝึกงาน
การฝึกงานก็สเมือนการเตรียมความพร้อมของนักศึกษาที่จะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากมหาวิทยาลัย
มาทดลองใช้ในการทำงาน เน้นครับว่าทดลองใช้
และเพิ่มทักษะบางอย่างที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอนมา เช่น หลักการบังคับบัญชา
การติดต่อประสานงาน การปรับตัวให้เข้ากับชีวิตการทำงาน
เรียกได้ว่ามหาวิทยาลัยคือองค์ความรู้ สถานที่ฝึกงานคือประสบการณ์ และเมื่อนักศึกษาจบการศึกษาแล้วนั้น
ก็จะได้นำทั้งความรู้และประสบการณ์ ไปใช้ในสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับชีวิต
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นลูกจ้างเสมอ อาจจะออกมาเป็นผู้ประกอบการเองหรือรับสืบทอดกิจการของครอบครัวก็ได้
สรุปคือการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนทำงานจริง
ควรฝึกงานที่ไหน
ถ้ามีคนถามผมว่าควรฝึกงานที่ไหนผมก็คงตอบว่า
แล้วแต่โชคชะตะจะนำพา เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสถานที่ฝึกงานที่ไหนจะให้ประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์แก่เราได้
แต่ถ้าถามว่าผมไปฝึกงานที่ไหน ผมก็สามารถให้คำตอบที่ง่ายขึ้น
ผมฝึกงานที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตครับ ผมเรียนอะไร ผมเรียนรัฐศาสตร์ครับ
บางท่านคงสงสัยว่าทำไมเด็กรัฐศาสตร์ถึงฝึกงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต
ไม่มีคำตอบที่แน่นอนครับ เพราะตอนนั้นบอกได้เลยว่าไกล้บ้าน ค่าใช้จ่ายน้อย
จริงๆไม่น่าเอาเรื่องพวกนี้มาพิจารณาเลยครับ
แต่ตอนเด็กใครจะไปคิดอะไรมากกว่านี้ละเนอะ
งั้นเอาละถ้าไปฝึกงานที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแล้วได้อะไรบ้าง สิ่งที่ได้คือ
รู้ว่าในหนึ่งปีมีนักศึกษาฝึกงานที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตปีละ 7,000
คน ครั้งแรกที่ได้ยินผมก็ไม่ค่อยเชื่อครับ
แต่ตอนทานอาหารกลางวันแล้วเห็นชุดนักศึกษาเดินผ่านไปผ่านมาเต็มไปหมด
เสมือนอยู่ในมหาวิทยาลัยสักแห่งหนึ่ง นี้เป็นตัวแลขที่ประมาณการครับ
บางปีมากบางปีน้อย ที่น่าสนใจคือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตจ่ายค่าอาหารกลางวันให้วันละ 100
บาท เฉลี่ยนักศึกษาฝึกงานประมาณ 70 วันโดยประมาณ
ลองคำนวนครับ 7,000 คน x 100 บาท x
70 วัน เท่าไรครับ คำตอบคือ 49,000,000 บาท
ที่ท่านอ่านอยู่ไม่ผิดครับแต่ที่สำคัญเหมือนไม่มีใครสังเกตเห็นตัวเลขนี้มากกว่า
เพราะนักศึกษาฝึกงานถูกแยกออกเป็นตามฝ่าย ตามกอง
และค่าใช้จ่ายจะไม่ถูกนำมาคิดรวมกัน พอดูจากตัวเลขเลยไม่สูงมาก ประกอบกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจ
ที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลและรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า ซึ้งสูงมหาศาล
ตัวเลขประมาณการปี 2558 รายได้อยู่ที่ 41,561.60 ล้านบาท แสดงว่าค่าใช้จ่ายกับนักศึกษาฝึกงานคิดเป็น 0.11 % น้อยมากกว่าที่จะมีใครสนใจ
แต่ในบางสถานประกอบการอาจมีนักศึกษาฝึกงานน้อยกว่านั้นเช่น บริษัทด้านไอทีเปิดใหม่
(ของเพื่อนแฟนผมเอง) มีนักศึกษาฝึกงาน 2 คน
และไม่มีค่าตอบแทนให้ งั้นเราควรฝึกงานที่ไหนละ คำตอบคือแล้วแต่ชอบ
ถ้าโชคดีก็ได้หัวหน้างานดี โชคร้ายอาจเข้าไปขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงองค์กร
แต่สิ่งที่อยากให้คำนึงถึงมากที่สุดคือ คุณชอบอะไร คุณอยากทำอะไรในอนาคต แล้วค่อยเลือกสถานประกอบการครับ
เอกชน รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ มีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันและยังไม่มีใครทำการวิจัยศึกษาที่ชัดเจน
ผมคิดว่า การเตรียมความพร้อมนักศึกษาจำนวน 2,000,000 กว่าคน ก่อนเข้าสู่สังคม
คงจะไม่มีความสำคัญสักเท่าไร เลยไม่มีใครให้ความสนใจเท่ากับการเป็นอยู่ของหมีแพนด้าแน่ๆ
นักศึกษาฝึกงานควรเตรียมตัวอย่างไร
สำหรับนักศึกษาที่กำลังเตรียมตัวออกเดินทางหลังจากเลือกสถานประกอบการแล้วนั้นสิ่งต่อไปคือการเตรียมตัว
ง่ายครับแต่พูดอยาก เช่น ไม่รู้จะแบบแผนปฏิบัติของแต่ละสถานที่
เช่น บางที่ต้องใช้เวลาในการพิจารณาเข้าฝึกงานค่อนข้างนาน
เพราะสถานที่ทำงานบางแห่งให้ความสนใจกับภาพลักษณ์ รวมถึงทัศคติของนักศึกษา
บางที่กลับไม่สนใจใดทั้งสิ้นและพร้อมจะรับหมดเพราะคิดแค่ว่าหาคนมาทำงานจิปาถะฟรี
ค่าใช้จ่ายน้อย ดังนั้นสิ่งที่นักศึกษาต้องทำคือ
โทรไปพูดคุยครับไม่ว่าจะเป็นคนที่เราติดต่อหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ เวลาทำงาน
การแต่งกาย ภาระงานหลัก
ความสนใจของสถานที่ฝึกงานกับกัวข้อศึกษาของนักศึกษา(บางทีเรียกสหกิจ
บางที่เรียกการศึกษาตามความชอบ) เพราะบางครั้งสถานที่ฝึกงานก็ไม่ได้บอกตรงๆ
ว่ามีความคาดหวังอย่างไร และตัวนักศึกษาเองบางทียังไม่รู้ตัวเลยว่าชอบเรื่องไหน
หรือจะสามารถมองเห็นปัญหาที่น่าสนใจมากน้อยแค่ไหน
อาจารย์และมหาวิทยาลัยคาดหวังอย่างไร
ดังนั้นสิ่งแรกคือโทรสอบถามเพื่อพูดคุยถึงเรื่องต่างๆ
หาที่พักที่ไกลกับสถานที่ทำงานและราคาที่เหมาะสมบางที่อาจมีที่พักให้
บางที่ที่พักมีราคาค่าเช่าสูงต้องพิจารณาหลายแง่มุมครับ
การได้ที่พักดีหมายถึงการเดินทางที่สะดวกและสามารถเดินทางมาถึงที่ทำงานได้ก่อนเวลางาน
และสามารถทำงานต่อได้แม้จะเป็นเวลาหลังเลิกงาน
ประเด็นทั่วไปเช่นที่กินตลาดหรือร้านสะดวกซื้อ
เพราะแท้จริงแล้วชีวิตการทำงานไม่ได้ว่างเหมือนในภาพยนต์การที่ต้องเดินทางไปหาอาหารหรือสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันเท่ากับเวลาที่ต้องศูนย์เสียในการพักผ่อนและเรียนรู้
หรือเรื่องการรักษาพยาบาลว่าตัวนักศึกษามีประกันสุขภาพอะไรบ้างจากสถานศึกษา
เพราะเวลาเกิดเหตุฉุกฌฉินตนเป็นที่พึงแห่งตนครับ แต่ถ้าโชคดีได้พี่เลี้ยงดีก็รอดไป
และสิ่งสำคัญที่สุดคือ
ถามตัวเองครับ ต้องการอะไรจากการฝึกงานในครั้งนี้ และถามย้ำทุกครั้ง เขียนลงกระดาษ
พูดหน้ากระจก ว่าต้องการอะไรจากการฝึกงานครั้งนี้ ได้คำตอบแล้วถามต่อ
เพราะอะไรถึงอยากได้สิ่งนั้น ได้แล้วมีประโยชน์อย่างไร เน้นอีกครั้งครับ
ต้องการอะไรจากการฝึกงานครั้งนี้ คำถามที่สองคือ จะนำสิ่งที่เล่าเรียนมาหลายปีไปใช้อย่างไรในการทำงาน
คำถามลักษณะนี้ไม่ต้องห่วงครับท่านเจอแน่ถึงจะไม่ถามตัวเอง
แต่วันที่คุณจบการศึกษาและกำลังเดินทางไปสัมภาษณ์งาน หัวหน้างานถามคุณแน่ๆครับ
ว่าคุณมีประโยชน์อย่างไรต่อองค์กร และจะนำสิ่งที่เล่าเรียนมาไปใช้ประโยชน์อย่างไร
ที่ผมมั่นใจเพราะผมถามบ่อยเวลามีคนมาสัมภาษณ์กับผม
และผมไม่ได้ต้องการคำตอบที่คลุมเคลือ แต่สิ่งที่อย่างได้คือวิธีคิดของนักศึกษาครับ
อยากรู้ว่าในหัวมีกระบวนการคิดอย่างไร การหัวเราะไม่ได้ช่วยทำให้ได้งานทำ
แต่การคิดจะทำให้ได้งานที่เหมาะสมกับตัวเรา นี้เป็นปัญหาหนึ่งที่ผมเจอเป็นประจำจากนักศึกษาจบใหม่
เพราะชอบหัวเราะกันมาก แต่ไม่สามารถตอบคำถามได้ ถุกคำถามไม่มีถูกผิด
แต่การไม่คิดคือความผิดขั้นร้ายแรง
วันเริ่มงาน
คำแนะนำสำหรับวันเริ่มงานคือ
กระดาษ ปากกา และจดครับ จดทุกอย่างที่เป็นข้อมูล ถึงบางคนไม่จดให้เราจด
เพราะความตื่นเต้นของการเริ่มงานใหม่จะทำให้ความจำของบกพร่องเล็กๆในช่วงแรกๆ
ไม่ต้องตกใจแต่จะจดอะไรดีละน่าเป็นห่วง สิ่งที่ต้องจดโดยรวมๆแล้วมีดังนี้ครับ
ชื่อพนักงานในแผนก ชื่อหัวหน้างาน เบอร์โทรศัพท์ E-MAIL (เชื่อสิเวลาส่งงานสะดวกมาก) โครงสร้างการทำงาน
งานที่ได้รับมอบหมายหากไม่มีงานที่มอบหมายให้ถามและร้องขอ
เพราะบางที่จะทดสอบดูนักศึกษาครับ ว่ามีความใส่ใจต่อการสังเกตุมากน้อยแค่ไหน
การจดข้อมูลจะช่วยให้เราสามารถนำมาทวบทวนได้เวลาหลังเลิกงาน
เพื่อที่ว่าวันรุ่งขึ้นจะได้พร้อมทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
พี่เลี้ยงควรทำตัวอย่างไร
การมีพี่เลี่ยงในที่ทำงานถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง
บางที่ไม่มี บางที่หัวหน้างานเป็นพี่เลี้ยงให้ บางที่ให้นักศึกษาเลือกพี่เลี้ยงเอง
จริงๆการได้พี่เลี้ยงก็เหมือนกับโชคชะตาครับ แต่ในบทนี้ผมไม่ได้เขียนถึงตัวนักศึกษาแต่อยากเขียนถึงพี่เลี้ยงที่กำลังอ่านอยู่ครับ
ถ้ามีคนที่เคยเป็นพี่เลี้ยงให้กับนักศึกษาฝึกงานอ่านงานเขียนผมอยู่นะครับ
ลองตอบคำถามผมดู ถ้าท่านตอบได้หมดทุกข้อถือว่าท่านเป็นพี่เลี้ยงในตำนานเลยที่เดียว
แต่ถ้าตอบถูกบางข้อท่านก็โชคดีครับ
โชคดีที่ได้อ่านและรู้ตัวว่าจะต้องพัฒนาตนเองอย่างไรต่อไป
แต่ถ้าตอบไม่ถูกสักข้อเดียว ก็โชคดีครับแต่โชคดีเพราะอะไรคิดเอาเองครับ
คำถาม
นักศึกษาฝึกงานของท่านชื่อจริงว่าอะไร
นักศึกษาฝึกงานของท่านมีอาจารย์ที่ปรึกษาชื่ออะไร
อาจารย์ที่ปรึกษาของนักศึกษาคาดหวังอะไรกับการฝึกงานครั้งนี้
เอกสารอะไรบ้างที่ท่านจะต้องเซ็นให้กับนักศึกษา
นักศึกษาฝึกงานของท่านเรียนคณะและเอกอะไร
นักศึกษาฝึกงานของท่านมีความสามารถพิเศษและงานอดิเรกอะไร
นักศึกษาฝึกงานของท่านมีเป้าหมายอะไรในชีวิต(อยากให้พี่เลี้ยงถามตัวเองด้วย)
นักศึกษาฝึกงานของท่านพักอยู่ที่ใด
นักศึกษาฝึกงานของท่านชื่อชอบหรือไม่ชอบอะไร
เอาละครับคำถามประมาณนี้จริงๆถ้าผมนั่งอยู่ด้วยผมจะถามมากกว่านี้อย่างแน่นอน
แต่ผมไม่ได้นั่งอยู่หน้าทุกท่านดังนั้นแค่นี้น่าจะพอสมควรและคำถามอย่างนี้มีความสำคัญอย่างไรละ
คำตอบคือไม่สำคัญและสำคัญครับ
เพราะคำถามชุดนี้คือคำถามที่เกี่ยวกับความใส่ใจในนักศึกษาฝึกงานบางที่ให้นักศึกษา
ซื้อกาแฟกับถ่ายเอกสารเท่านั้น และไม่เคยสนใจถึงความก้าวหน้าในการเรียนรู้เลย
แต่อย่าลืมนะครับพี่เลี้ยงทั้งหลายท่านเป็นกำลังเป็นส่วนหนึ่งของการส่งคน 2,000,000
คนเข้าสู่สังคมการทำงาน
ท่านจะส่งแบบไหนและอยากให้สังคมเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับตัวท่านเองครับ
ระบบฝึกงานทรงพลัง
การฝึกงานคือการเรียนรู้ประสบการณ์ไม่ใช้การใช้แรงงานแต่อย่างใด
ดังนั้นการเตรียมระบบฝึกงานให้มีประสิทธิภาพจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ข้อผู้ฝึกงานได้เป็นอย่างดี
เริ่มแรกสิ่งที่ต้องทำคือ ถามเหมือนกันครับ แต่ครั้งนี้
พี่เลี้ยงต้องโทรถามอาจารย์ที่ปรึกษาว่ามีความคาดหวังอย่างไรและนักศึกษามีพฤติกรรมอย่างไรขณะศึกษาอยู่ซึ่งช่วยได้มากในการกำหนดภาระงานให้กับนักศึกษา
เมื่อพูดคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาถึงความคาดหวังเรียบร้อยแล้ว สิ่งต่อมาคือ
การกำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้รายสัปดาห์ เพื่อให้นักศึกษาสามารเตรียมความพร้อมและรู้ว่ายังต้องเรียนรู้อะไรต่อไปอีก
หรือเรียนรู้ถึงไหนแล้ว การติดตามผลการเรียรู้
ควรจัดการพูดคุยกับนักศึกษาประมาณสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง แนะนำบ่ายวันศุกร์ หรือไม่ก็เช้าวันจันทร์
เพราะวันอื่นของสัปดาห์ท่านอาจมีงานล้นมือทำให้ไม่สามารถติดตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ถ้าเป็นบ่ายวันศุกร์ท่านจะสามารถให้คำแนะนำหรือ FEEDBACK ได้จากการสังเกตุการทำงานในรายสัปดาห์นั้น ผมแนะนำการให้ FEEDBACK นักศึกษาเลยละกัน การให้ FEEDBACK หรือคำแนะนำนั้นง่ายครับ
มีหลายทฤษฎีและวิธีการแต่ที่ผมอยากแนะนำให้ลองไปใช้ดูคือ AID MODEL เป็นตัวย่อมีคำแปรดังนี้ครับ
A = ACTION การกระทำ
I = IMPACT ผลกระทบ
D = DOING สิ่งที่ควรทำ
ดังนั้นสิ่งที่พี่เลี้ยงควรทำคือ
สังเกตุนักศึกษาฝึกงานและจดการกระทำบางอย่างที่เราจะให้ FEEDBACK
เพื่อที่จะได้ไม่ลืม เมื่อเราให้ FEEDBACK เราจะสามารถให้ได้โดยง่าย
ตัวอย่างนะครับ
ต้องบอกให้ได้ว่านักศึกษาฝึกงานทำอะไรต้องเห็นด้วยตาและเป็นเชิงประจักษ์คือเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องเล่าจากปากคนอื่น
เพราะถ้ายังไม่ได้มีการพิสูจน์ย่อมไม่ใช้เรื่องเชิงประจักน์
จากนั้นต้องบอกถึงผลกระทบของการกระทำนั้นๆ ว่ามีผลกระทบกับงานอย่างไร มีผลกระทบกับผู้อื่นอย่างไร
มีผลกระทบกับตัวนักศึกษาอย่างไร และสุดท้าย DOING คือสิ่งที่ควรทำเพิ่มเติมว่ามีอะไรบ้างที่นักศึกษาฝึกงานควรทีเพิ่มเติมเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เป็นการฝึกของพี่เลี้ยงและตัวนักศึกษาฝึกงานได้ไปในตัวด้วยดีจริงๆครับเรื่องง่ายๆที่คนมักมองข้าม
ต่อมาคือการมอบหมายงานในเช้าวันจันทร์บางที่มอบหมายงานครั้งเดียวจบ
กว่าจะรู้ตัวว่านักศึกษาไม่ได้อะไรกลับไปเลยก็เสียเวลาไปจนจะจบการฝึกงานเสียแล้ว
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกครับ ดังนั้นการมอบหมายงานนั้นมีอะไรน่าสนใจอีกเยอะ
หลักในการมอบหมายงานก็เหมือนกับหัวหน้าให้งานลูกน้องละครับ
คือต้องระบุให้ชัดเจนว่าจะต้องทำอะไร มีประโยชน์อย่างไร
และควรทำออกมาให้หน้าตาแบบไหน อย่างพิจารณาถึงระดับของนักศึกษาฝึกงานนะครับ
ไม่ใช่มองหมายโปรเจคใหญ่
เพราะระดับของนักศึกษาฝึกงานนั้นหมายถึงระดับความรับผิดชอบและวุฒิภาวะ เกี่ยวข้องกันทั้งสิน
และเมื่อมอบหมายงานเสร็จแนะนำให้เขียนครับเป็นรายลักษณ์อักษรที่อ่านและเข้าใจได้ง่ายเขียนเสร็จสำเนาสองชุดพี่เลี้ยงเก็บไว้หนึ่งชุด
นักศึกษาเก็บไว้หนึ่งชุด
เพื่อที่จะได้เทียบเคียงว่างานที่ได้รับมอบหมายทำถึงไหนแล้ว
มีปัญหาในการทำงานอะไรบ้าง และต้องการความช่วยเหลืออย่างไรต่อไป
การประเมินผลก็มีส่วนสำคัญ
การประเมินผลตามความเป็นจริงกับการประเมินผลจากความสมควร
เป็นสิ่งที่แยกออกจากกันได้ยาก
แต่อย่าลืมนะครับผลการประเมินนักศึกษาฝึกงานจะติดตัวนักศึกษาไปตลอดชีวิต
ดังนั้นการประเมินผมอยากให้ดูพี่เลี้ยงเป็นหลักท่านมอบหมายงานแบบใด ท่านเป็นตัวอย่างแบบไหนและท่านทำตัวอย่างไร
แต่ในบางกรณีที่นักศึกษาไม่ให้ความสนใจมากๆ
ท่านก็ให้คะแนนตามความเป็นจริงได้เลยครับ แต่อย่างลืม FEEDBACK
นะครับและไม่ใช่ความคิดเห็น
แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงที่พิสูจน์ได้นั้นเอง
เรื่องทั่วไป
พี่เลี่ยงต้องเลี่ยงข้าวนักศึกษาฝึกงานบ่อยแค่ไหน
คำตอบคือแล้วแต่ท่านครับตามกำลังทรัพย์เลย แต่อย่าลืมนะครับนักศึกษาฝึกงานยังไม่มีเงินเดือนเป็นของตนเอง
ถ้าอยากเลี้ยงข้าวแนะนำหาแบบประหยัดไม่ลำบากเราไม่ลำบากน้อย
น่ากลัวชู้สาว
บอกเลยว่าเกิดขึ้นบ่อยไม่ว่าจะเป็นพี่เลี้ยงผู้ชายน้องผู้หญิง
หรือน้องผู้ชายพี่ผู้หญิง เกิดขึ้นได้แต่อย่าลืมจรรยายบรร
คิดเสมอครับพี่เลี้ยงประสบการณ์มากกว่าควรจะพึงกระทำตนให้เป็นแบบอย่างไม่ใช้กระทำตนให้เป็นปัญหาสังคม
ทุกคนเป็นลูกมีพ่อมีแม่ครับ
น้องหยุดบ่อยปัญหาส่วนตัวเยอะ
ธรรมดาโลกครับ ที่ควรทำคือใส่ใจรับฟังไม่ใช่ใส่อารมณ์ให้ระเบิด
พระหากพี่ไม่ดูแลน้องแล้วน้องจะปรึกษาใคร ปรึกษาแล้วโดนด่าจะปรึกษาไปเพื่ออะไร
จริงมนุษย์ทุกคนต้องการใครสักคนรับฟังเท่านั้นครับไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านั้นแล้ว
ฝึกที่จะฟัง เพื่อเป็นมนุษย์ที่ใจสูงส่ง ดีกว่าฝึกพูดเพื่อเป็นหมาที่เห่าดัง
สุดท้ายที่อยากฝาก
ถึงพี่เลี้ยงทุกท่าน อนาคตของชาติท่านสร้างได้ สร้างจากใจ สร้างจากความรัก แล้วความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับน้องจะยาวนานเป็นทั้งประโยชน์กับตัวน้องและประโยชน์กับตัวพี่ เรียกว่าความสัมพันธ์อันดี และที่สำคัญอย่าลืมนะครับประวัติการสมัครงานของน้อง จะเขียนว่าฝึกงานที่ไหน ถ้าน้องตอบได้ว่าได้ประโยชน์อะไรและมีวิธีคิดอย่างไร เพราะได้จากการฝึกงานที่ไหน ภาพลักษณ์ของท่านก็จะดี แต่ถ้าน้องตอบไม่ได้ถามไม่ตอบ น่าสงสารนะครับ คิดถึงตัวท่านตอนสัมภาษณ์พนักงานใหม่ดูแล้วกันครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น