Fish Philosophy
หลักการ ฟิช !!
หลักการปลา !!
คือหลักการที่จะเปลี่ยน
หลุมขยะพิษให้กับมาเป็นสถานที่ที่น่าสนุก มีพลังงาน และน่าทำงานขึ้นมา
จริงๆแล้วไม่ใช่แค่ที่ทำงานเท่านั้นแต่เรายังสามารถนำหลักการ ฟิช
ไปใช้ในชีวิตประจำวัน สร้างความสัมพันธ์กับคู่รัก ครอบครัว เพื่อน
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและแข็งแกร็งขึ้นมา อย่างที่ไม่มีใครคาดถึงได้
พื้นฐานหลักการ ฟิช
มาจากตลาดปลา ไพคเพลส รัฐซีแอตเทิล เป็นร้านขายปลาเล็กๆ
ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ผ่านมา แขกผู้มาเยื่อนและลูกค้า ร่วมสนุกและมีความสุขกับร้านขายปลาแห่งนี้
ปรากฎการณ์นี้แบ่งบานและถูกถ่ายทอดโดย จอห์น คริสเตนเซน
ผู้ที่ผ่านมาและสัมผัสได้ถึงพลังงานของสถานที่แห่งนี้
จอห์น คริสเตนเซน
สอบถามจากร้านขายปลาแห่งนี้ถึง หลักการแห่งความสำเร็จ สิ่งที่ได้รับคือ “ความสนุก”
เริ่มแรกเดิมที่ร้านขายปลาแห่งนี้ก็เหมือนกับร้านขายปลาทั่วๆ ไป
ไม่ได้มีอะไรพิเศษแต่แล้ววันหนึ่ง ทุกคนในร้านอยากเปลี่ยนแปลงตนเอง
ให้เป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก เมื่อเป้าหมายชัดเจนการกระทำจึงเกิด
จอห์นเริ่มเฝ้าสังเกตุการทำงานของคนขายปลา
แล้วสรุปออกมาเป็นหลักการ 4 ข้อ ด้วยกัน คือ Be
there, Play, Make Their Day, Choose your Attitude จอห์นนำหลักการทั้ง
4 ร้อยเรียงออกมาเป็นเรื่องราวและเขียนเป็นหนังสือที่ขายดีไปทั่วโลก
โดยหลักการทั้ง 4 มีวิธีการคิดวิธีการปฏิบัติดังนี้
Be There (ใส่ใจ)
เริ่มแรกให้เราใส่ใจผู้คนรอบข้าง ด้วยการฟัง ฟังโดยไม่ตัดสิน
แต่รับรู้ด้วยความเข้าใจ
เข้าใจคนที่กำลังพูดกับเราใส่ใจในความรู้สึกและการกระทำของเขา ไม่ตัดสิน
ไม่คิดเพื่อที่จะพูดตอบ แค่ฟังเพื่อเข้าใจ เริ่มแรกของการฝึกฟัง
ให้เราลองไม่พูดดูครับ กลับบ้านไปวันนี้แล้วลองไม่พูดแต่รับฟังดู ถามได้แต่ไม่ตอบด้วยทัศนคติ
ประสบการณ์ และความคิดของเรา มนุษย์เกิดมามีสองหู หนึ่งปาก
แต่คนส่วนใหญ่มักใช้ปากเก่งกว่าหูซะงั้น
Play (เล่น)
สร้างที่ทำงานเหมือนสนามเด็กเล่น ขยายความไว้วางใจออกไป
การเล่นใช้ในการคิดแผนงานหรือแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เริ่มแรกลองคิดถึงสิ่งที่ต้องการจริงๆ
ก่อนคิดเยอะๆ คิดใหญ่ๆ คิดมากๆ คิดไปไกลๆ เช่น
จะขายของยังไงให้ถึงมือลูกค้าด้วยความรวดเร็ว คิด คิด คิด อาจได้คำตอบเช่น
ใช้เครื่องบิน บินไปส่ง ส่งทันทีเมื่อมีการสั่งซื้อ ฯลฯ
ก็คิดให้แปลกและแตกต่างครับ จากนั้นถึงเริ่มวิเคราะห์หาความเป็นไปได้จากการคิด
หรืออาจปรับแต่งความคิดให้สามารถนำมาใช้ได้จริง นอกจากความคิดที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาและความคิดสร้างสรรค์
เราต้องขยายสนามเด็กเล่น
หมายถึงขยายสนามของความไว้วางใจ เพราะความไว้วางใจจะทำให้การทำงานมีความรวดเร็ว
และลดต้นทุน ลองดูตัวอย่างนี้นะครับ บริษัทขายสินค้ากลัวพนักงานขโมยสินค้า
จำเป็นต้องติดตั้งกล้องวงจรปิด จ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยตรวจสอบสินค้าก่อนนำออก
คุณคิดถึงเงินลงทุนที่เสียไปกับเวลาที่ใช้ในการตรวจสอบดูสิครับ
ในทางกลับกันหากเราขยายความไว้วางใจออกไปได้ยังพนักงาน เพื่อนรวมงาน ครอบครัว
คนรัก ทั้งต้นทุนและระยะเวลาจะลดลงไปได้ขนาดไหน
แล้วความไว้วางใจสร้างได้อย่างไร
ความไว้วางใจมีต้นทุนต่ำแต่คุ้มค่าสุดๆ ง่ายๆ ด้วยลอง ไม่บ่น ไม่นินทาลับหลัง
ไม่แข่งขัน ไม่พูดในสิ่งที่สร้างความเดือนร้อนให้ผู้อื่น ง่ายไหมครับ
แต่ทำแล้วยากสุดๆ เพราะสังคมเราส่วนใหญ่มักจะชอบนินทา ว่าร้าย คิดร้าย
ฉะนั้นเมื่อเรารู้แล้วว่า การสร้างความไว้วางใจสร้างได้ง่ายๆ
ก็เราเปลี่ยนแปลงตัวเราเองดูครับ ลองหาข้อดี มองหาข้อดีของผู้อื่นก่อน
อย่างพยายามมองหาแต่ข้อบกพร่อง โดยฉะเพราะคนรักหรือคู่ครอง แล้วคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยครับ
ผมลองมาแล้วเชื่อผมเถอะ
Make Their Day (สร้างสรรค์วันดี)
สร้างสรรค์วันดีคือ การมองหาความช่วยเหลือไม่ใช่เราขอความช่วยเหลือนะครับ
แต่มองหาว่าเราสามารถให้ความช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไรได้บ้าง ที่สำคัญ
ความช่วยเหลือนั้นต้องไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
และที่ง่ายที่สุดต้องไม่ใช้เงินเพื่อช่วยเหลือ
เพราะเมื่อไรที่คุณเปลี่ยนความสัมพันธ์เป็นเงินตรา คุณกำลังลดสนามเด็กเล่นให้ลดลง
ความเชื่อใจ ความไว้วางใจ จะถูกเปลี่ยนเป็นความคาดหวังที่ยากจะหวนคืนกลับมาได้
ดังนั้นลองมองหาว่าคุณสามารถช่วยเหลือใครได้บ้างที่กำลังลองคอยความช่วยเหลือ
และยังไม่ได้ลองขอ เช่น คุณมองเห็นเพื่อนร่วมงานกำลังมองหาสิ่งของอยู่
คุณอาจจะถามว่ากำลังหาอะไรและช่วยหาก็ได้
พรือคุณเห็นคนรักของคุณกำลังทำอาหารให้คุณทาน คุณก็สามารถเข้าไปช่วยเตรียมอาหารสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งได้เช่นกัน
แต่อย่าลืมนะครับสร้างสรรค์วันดี
ไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องรอการร้องขอ และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
แล้วสร้างสรรค์วันดีของคุณจะได้ผลตอบแทนกลับมาแบบที่คุณไม่คาดคิดมาก่อน
Choose your Attitude
(เลือกทัศนคติ) เพราะความคิดจะกลายเป็นพฤติกรรม เพราะพฤติกรรมจะกลายเป็นนิสัย
เพราะนิสัยจะกลายเป็นสันดาน เพราะสันดานจะกลายเป็นชะตากรรม ดังนั้นสิ่งแรกและสำคัญที่สุดคือความคิดหรือก็คือทัศนคติของเรานั้นเอง
คนที่กำหนดสภาวะอากาศรอบตัวคุณคือตัวคุณเอง
เราสามารถเลือกหยิบทัศนคติที่เราคิดค้นขึ้นมาเอง ในการตื่นนอนทุกๆ เช้า ในแต่ละวันคุณเป็นผู้กำหนดสภาวะอารมณ์ของตัวคุณเอง
ไม่ใช่บุคคลรอบข้าง คนรอบข้างอารมณ์ร้ายใส่คุณมา คุณเลือกที่จะตอบสนองด้วยอารมณ์และทัศนคติที่คุณเลือกได้
มีตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับผมเอง ระหว่างเดินเข้าออฟฟิศ
เพื่อนร่วมงานกำลังจะนำผ้าเช็ดตัวที่แขวงอยู่กับราวตากผ้าลงถังขยะ
ผมโกรธมากชี้หน้าและโว้ยวาย พอผมเริ่มรู้สึกตัว ก็ต้องหยุดและเดินออกมา
เพราะผมให้คนรอบข้างมาควบคุมอารมณ์และทัศนคติของผม ผมกลับมารวบรวมความคิดอีกครั้ง
จริงๆ ผมแค่หยิบออกมาแล้วกลับมาทำงานต่อก็ได้
ดังนั้นการเลือกทัศนคติเราต้องฝึกฝนครับ เหมือนคำกล่าวที่ว่า
เวลาที่ควรเริ่มปลูกต้มไม้คือเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว แต่เวลาที่ดีที่สุดคือวันนี้
นั้นเอง
ทั้งหมดนี้ก็คือหลักการสร้างความสุขในการทำงาน
และการทำงานจะเหมือนกับการเล่นสนุกที่มีความสุด เปรี่ยมพลังงานอย่างที่คุณไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยละครับ
อ่านแล้วสนุกและมีประโยชน์ก็แชร์ได้นะครับ
สิทธินันท์ มลิทอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น