วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2559

DIALOGUE IN THE DARK



สิ่งที่ได้เรียนรู้จาก
DIALOGUE IN THE DARK @ CHAMCHURI SQUARE 25th JUNE 2016

บทเรียนจากความมืด

          บทเรียนจากความมืด คือ นิทรรศการที่ให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้การดำเนินชีวิตของผู้พิการทางสายตา ผ่านห้องเรียนที่เป็นสถานที่ต่าง ๆ ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา เช่น สวนสาธารณะ ห้องนั่งเล่น ข้างถนน ตลาดขายของ รถสาธารณะ การข้ามถนน และร้านขายขนมเครื่องดื่ม ทำให้เราได้เรียนรู้ ทั้งความรู้สึก การดำรงชีวิตของผู้พิการทางสายตา ด้วยประสาทสัมผัสของตัวเราเอง
          ทั้งนี้สิ่งที่ได้เรียนรู้ในฐานะ นักพัฒนาบุคลากรนั้น ขอนำเสนอมุมมองของภาวะผู้นำ เพราะภาวะผู้นำมีความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรเป็นอย่างมาก ทุกองค์กรมีผู้นำอย่างแน่นอน แต่ปัญหาขององค์กรส่วนใหญ่ผู้นำมักขาดภาวะผู้นำ แต่หากองค์กรใดพนักงานทุกคนไม่ใช่เฉพาะผู้นำที่เป็นหัวหน้าเท่านั้นมีภาวะผู้นำสูง องค์กรนั้นมักจะมีประสิทธิภาพสูงในการประกอบการเช่นเดียวกัน
          การเข้าชมนิทรรศการแห่งความมืด มีผู้นำเข้าชมนิทรรศการเป็นผู้พิการทางสายตา นำเราเข้าไปสู่บทเรียนต่างๆ ที่อยู่ในความมืดสนิทชนิดที่ไม่มีใครมองเห็นอย่างแน่นอน บทเรียนที่ได้จากพี่ผู้นำทางเรานั้นคือการแสดงออกถึงภาวะผู้นำได้เป็นอย่างดี โดยเริ่มจาก

ผู้นำตามคุณลักษณะ
         
          คุณลักษณะของผู้นำมีหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น ความคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างเป็นระบบ ความชำนาญในงานที่ทำ ความแข็งแกร่งของร่างกาย ความฉลาดทางอารมณ์ ในอดีตเรารียนรู้คุณลักษณะของผู้นำจากความเก่งกล้าสามารถในการต่อสู้ ปกป้อง รักษา เมื่อเข้าสู่สังคมอุตสาหกรรมผู้นำคือผู้ที่มี ความรู้ในงานที่ทำเรียกว่ารู้ลึก คงามสามารถในการตัดสินใจ การบริหาร
          ผู้นำทางเข้าชมนิทรรศการนั้น เรียกได้ว่ามีคุณลักษณะของผู้นำอย่างชัดเจน ทั้งความสามารถในการจดจำสถานที่ ความสามารถในการจำชื่อและลักษณะของผู้เข้าชมนิทรรศการไม่ว่าจะเป็น เพศ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้าชม(เพื่อน แฟน พี่น้อง) จำได้แม้กระทั้งว่าคนไหนมีปฎิกิริยาอย่างไรในแต่ละบทเรียน และสามาราถเชื่อมโยงผู้เข้าชมกับบทเรียนได้อย่างลงตัว มีทักษะการใช้เสียงที่เหมาะสมทำให้ผู้เข้าชมเกิดความรู้สึกสบายใจในการเข้าชมได้อย่างน่าประทับใจเลยทีเดียว
          คุณลักษณะของผู้นำนั้นไม่ได้หมายความว่าจะมีมาแต่กำเนิดแต่สามารถฝึกฝนให้เกิดเป็นความชำนาญได้ ผู้นำทางของเราไม่ได้พิการทางสายตามาแต่กำเนิดแต่เกิดจากอุบัติเหตุ และสามารถฝึกฝนทักษะการใช้ชีวิตในสังคมได้ เหมือยคนปกติแม้จะต้องใช้เวลานานกว่า 3 ปี ทั้งต้องปรับความรู้สึก ปรับการใช้ชีวิต แต่ผู้นำชมนิทรรศการของเราก็แสดงให้เห็นแล้วว่า คุณลักษณะของผู้นำนั้นสามารถฝึกฝนให้เกิดความชำนาญได้และเป็นแรงบรรดาลใจให้กับผู้อื่นได้อีกด้วย

ผู้นำเชิงพฤติกรรม

          พฤติกรรมการบริหาร การสั่งการ การนำ นั้นเราสามารถแบ่งแบบหยาบๆ ได้ สองพฤติกรรมคือ ผู้นำเชิงประชาธิปไตย หมายถึงการให้ความสำคัญกับคนมากกว่างาน และผู้นำเชิงเผด็จการที่ให้ความสำคัญกับงานมากกว่าคน ทั้งสองพฤติกรรมนั้นยังไม่มีข้อสรุปว่าพฤติกรรมแบบไหนจะให้ประสิทธิผลและประสิทธิภาพมากการกัน
          ผู้นำชมนิทรรศการของเราได้แสดงถึงผู้นำทั้งสองพฤติกรรมได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในบทเรียนสวนสาธารณะจะมีรูปปั้นให้ผู้เข้าชมได้ลองสัมผัสดูว่า เป็นรูปปั้นของอะไรในบทเรียนนี้จะมีอยู่สองรูปปั้น ผู้นำของเราจะเป็นคนกำหนดว่าใครจะได้ลองจับรูปปั้นไหน นั้นคือการเริ่มกำหนดพฤติกรรมเชิงเผด็จการ เพื่อให้สามารถควบคุมเวลาในการเข้าชมนิทรรศการได้อย่างเหมาะสม จากนั้นในบทเรียนรถสาธารณะนั้นผู้นำก็จะเป็นคนกำหนดที่นั่งให้กับผู้เข้าชมก็เป็นตัวอย่างของพฤติกรรมเชิงเผด็จการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงในการเข้าชมนิทรรศการเช่นเดียวกัน
          ในบทเรียนตลาดนัดผู้นำชมนิทรรศการของเราจะให้เปิดโอกาสให้กับผู้เข้าชมสามารถเลือกสัมผัสกับสินค้าได้ด้วยตนเองเพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้จากของจริง เพื่อได้ทดสอบประสาทสัมผัสทั้งการจับ การดม ความรู้สึกของผิวสัมผัส รวมถึงบทเรียนจากร้านขายขนมเครื่องดื่ม ผู้ข้าชมนิทรรศการสามารถเลือกได้ว่าจะบทานขนมอะไร ดื่มเครื่องดื่มอะไร ในจุดนี้แสดงถึงผู้นำเชิงประชาธิปไตย ที่เปิดโอกาสให้ผู้ตามสามารถเลือกได้ด้วยตนเอง เปิดประสบการเรียนรู้ได้ ทำให้ผู้เข้าชมนิทรรศการเกิดความอยากเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งการที่สามารถทำให้ผู้เข้าชมนิทรรศการเกิดความรู้สึกอยากเรียนรู้ด้วยตนเองก็เป็นผลดี ในการพัฒนาตนเองเพราะเมื่อไรที่ คนหรือพนักงานมีความอยากรู้ อยากพัฒนา ด้วยตนเอง องค์กรจะมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
          บทสรุปของผู้นำทั้งสองพฤติกรรมไม่มีแน่ชัดว่าแบบไหนจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพมากกว่ากัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ บุคคล และความเหมาะสม เพื่อให้เราสามารถเรียนรู้ภาวะผู้นำได้มากขึ้นจึงได้เกิดทฤษฎีผู้นำตามสถานการณ์ขึ้น

ผู้นำตามสถานการณ์

          ผู้นำตามสถานการณ์คือผู้ที่ดำเนินการบริหาร สั่งการ ดำเนินงานโดยคำนึงถึงตัวผู้ตามว่ามีคุณลักษณะแบบไหน โดยแบ่งง่ายๆ ได้สองลักษณะคือ ความมีทักษะหรือไม่มีทักษะ และ มีความอยากทำงานหรือไม่อยากทำงาน จากสองลักษณะสามารถแบ่งผู้ตามได้เป็น 4 ลักษณะย่อย คือ ผู้ตามที่มีความอยากทำงานแต่ขาดทักษะ ผู้ตามที่มีทักษะแต่ขาดความอยากในการทำงาน ผู้ตามที่ขาดความอยากและขาดทักษะ สุดท้ายคือผู้ตามที่มีความอยากเรียนรู้และมีทักษะในการทำงาน เมื่อผู้นำสามารถแบ่งผู้ตามได้ 4 ลักษณะย่อยแล้ว จึงเลือกการนำที่เหมาะสมตามคุณลักษณะทั้ง 4 คือ การชี้นำ การแนะนำ การสนับสนุน การส่งมอบอำนาจ นี้ก็คือการนำทั้ง 4 ลักษณะ
          ผู้นำชมนิทรรศการของเรานั้น จะเริ่มด้วยการแนะนำ คือผู้เข้าชมมีความอยากรู้ อยากเรียนรู้ แต่ยังขาดทักษะในการเข้าชมนิทรรศการที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง ผู้นำของเราจะแนะนำว่าต้องใช้ไม้เท้าแบบไหนในการไหดหจับและการกวาดไม้เท้าเพื่อไม่ให้ชนเพื่อนที่เข้าชมด้วยกัน ควรหลับตาระหว่างการเข้าชมเพื่อไม่ให้เราลืมตาและเพ่งสายตาในความมืดเพราะจะทำให้ปวดตา จากสิ่งที่ผู้นำชมนิทรรศการทำคือการนำแบบชี้นำ ให้jกดดกดำดข้อมูลในการเข้าชมก็เสมือนกับการให้ความรู้กับพนักงานใหม่
          เมื่อเข้าสู่สภาวะที่สองคือมีทักษะ แต่ความอยากรู้เริ่มลดน้อยลง ผู้นำของเราจะเปลี่ยนการนำไปเป็นแบบการแนะนำคือ เริ่มไม่บังคับไม่ยัดเยียดความรู้แต่จะเริ่มปล่อยให้ผู้ตามได้เรียนรู้ด้วยต้นเอง เช่นเวลาเดินผ่านแต่ละบทเรียนผู้นำจะทำหน้าที่แค่ถามว่าเจออะไรบ้าง สัมผัสอะไรบ้างในบทเรียนข้างถนนนั้น ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับประตูบ้าน รั้วบ้าน ผู้นำจะเริ่มถามว่าคิดว่ามีอะไรบ้างในบทเรียนนี้และควรทำอย่างไร เช่นเจอสุนัขควรทำอย่างไร
          สภาวะที่สามคือ ผู้ตามมีความอยากรู้น้อยลง ทักษะเริ่มถดถอย ผู้นำจะนำแบบสนับสนุนเพื่อให้ผู้ตามเกิดไฟแห่งการเรียนรู้ ไฟแห่งการอยากทำงานขึ้นมาให้อีกครั้ง เช่นตอนขึ้นรถสาธารณะ ผู้นำสร้างความตื่นเต้นได้เป็นอย่างมาก ทั้งการแนะนำสถานที่ที่รถสาธารณะวิ่งผ่านมีการใส่ความตื่นเต้นลงไปในบทเรียน ทำให้ผู้เข้าชมนิทรรศการเกิดความตื่นเต้น และความอยากรู้อยากเห็นก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง
          และสภาวะสุดท้าย คือ ผู้ตามมีความอยากรู้และมีทักษะที่เหมาะสม ผู้นำทำหน้าที่ในการส่งมอบอำนาจ ในบทเรียนสุดท้ายผู้เข้าชมนิทรรศการจะได้ถามตอบกับผู้นำชมนิทรรศการเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม เราได้แลกเปลี่ยนความรู้ ความรู้สึก และทัศนคติแก่กัน ทำให้ผู้ตามแค่ปล่อยให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้ด้วยตนเองเสมือนผู้นำที่มอบอำนาจให้แก่ผู้ตามในการปฏิบัติงานได้ด้วยตนเองนั้นเอง
          ดังนั้นในสถานะของผู้นำ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเริ่มจากเรียนรู้ในตัวผู้ตามว่ามีความอยากเรียนรู้และทักษะในการทำงานมากน้อยขนาดไหน แล้วผู้นำจะต้องปรับการนำให้เหมาะสมกับผู้ตามแต่ละคน ผู้นำมีหน้าที่สนับสนุนผู้ตามให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นเอง

บทสรุป

          การเรียนรู้จากบทเรียนแห่งความมืดสามารถให้บทเรียนได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ความช่วยเหลือให้กับผู้พิการ การรับรู้ความรู้สึกของผู้พิการในสังคม เพื่อให้ผู้เข้าชมนิทรรศการนั้นสามารถใช้ชีวิตร่วมกับผู้พิการในสังคมได้ โดยไม่คิดว่าผู้พิการเป็นผู้ด้อยโอกาสและจ้องเอารัดเอาเปรียบ เพื่อให้สังคมน่าอยู่ขึ้นและทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เข้าใจเขาเข้าใจเราเช้าใจกัน
          และในฐานะนักพัฒนาบุคลากรสมารถเรียนรู้ บทเรียนแห่งความมืดได้ในหลากหลายมุมมอง ภาวะผู้นำเป็นแค่ตัวอย่างเพียงเล็กน้อยที่เราสามารถเรียนรู้ได้ แต่ยังมีเรื่องอื่นอีกมาก เช่น การโค๊ช ระบบพี้เลี้ยง การพัฒนาการทำงาน การสร้างความไว้วางใจ การสร้างแรงจูงใจ และอื่นๆอีกมากมาย ถือว่าโชคดีมากที่ได้เข้าชมนิทรรศการในครั้งนี้ครับ


สิทธินันท์ มลิทอง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น